Health

  • อาการหมอนรอง กระดูกสันหลัง กดทับเส้นประสาท
    อาการหมอนรอง กระดูกสันหลัง กดทับเส้นประสาท

    กระดูกสันหลัง ประกอบด้วยกระดูกหลายชิ้นเชื่อมต่อกันด้วยหมอนรองกระดูก และข้อต่อกระดูกสันหลัง โดยที่ตัว กระดูกสันหลัง ทำหน้าที่ปกป้องไขสันหลัง ส่วนหมอนรองกระดูกทำหน้าที่เหมือนกับโช๊คอัพของรถยนต์ คือ ทำให้กระดูกสันหลังยืดหยุ่นและรับแรงกระแทกของน้ำหนักตัวจากการเคลื่อนไหวดังนั้นการใช้งานหนักในชีวิตประจำวัน หรืออายุที่เพิ่มขึ้น ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้หมอนรองกระดูกเสื่อมสภาพได้

    โดยหมอนรองกระดูกที่พบว่ามีปัญหาบ่อยที่สุดคือ หมอนรองกระดูกสันหลังระดับเอวข้อที่ 4-5 เนื่องจากเป็นข้อต่อระดับที่มีการเคลื่อนไหว และรับน้ำหนักมากในร่างกายเมื่อหมอนรองกระดูกมีสภาพเสื่อม ความสูงของหมอนรองกระดูกลดลง และมีการฉีกขาดของเนื้อเยื่อหมอนรองกระดูก ทำให้แกนหมอนรองกระดูกหลุดรอดมาภายนอก และกดทับเส้นประสาทไขสันหลังได้

    กระดูกสันหลัง

    อาการของ โรคหมอนรองกระดูกสันหลัง กดทับเส้นประสาท

    – อาการปวดหลัง สะโพกและปวดร้าวลงขาข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้างรุนแรง อาการปวดมากขึ้นเวลาไอ หรือจาม

    – อาการอ่อนแรงกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะกล้ามเนื้อสะโพกกล้ามเนื้อในการกระดูกข้อเท้าและ ปลายนิ้วหัวแม่เท้า
    – อาการชาบริเวณปลายเท้า โดยเฉพาะบริเวณง่ามนิ้วหัวแม่เท้ากับนิ้วเท้าที่ 2

    – อาการผิดปกติของระบบขับถ่าย ในบางรายที่มีอาการรุนแรงมากๆ จะมีความผิดปกติของระบบขับถ่ายร่วมด้วย เช่น ไม่สามารถควบคุมการอุจจาระหรือปัสสาวะได้ ซึ่งจำเป็นต้องผ่าตัดรักษาอย่างเร่งด่วน มิฉะนั้นระบบขับถ่ายอาจไม่สามารถฟื้นคืนได้ตามปกติ

    สาเหตุของหมอนรองกระดูกปลิ้นกดทับเส้นประสาท

    1.น้ำหนักตัวมาก
    เพราะยิ่งน้ำหนักตัวมาก กระดูกสันหลังก็ต้องรับน้ำหนักมากตามไปด้วย

    2.การใช้งานที่ไม่เหมาะสม
    เช่น ก้มหลัง ยกของหนัก เพราะท่าทางเหล่านี้เป็นการเพิ่มแรงดันที่หมอนรองกระดูกค่อนข้างเยอะ ซึ่งอาจจะเกินความทนทานที่หมอนรองกระดูกรับได้ จนกระทั่งเกิดการแตกปลิ้นออกมา

    3.การนั่งในท่าที่ไม่เหมาะสมต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ
    พบมากในกลุ่มคนวัยทำงาน และมักจะมีโอกาสเกิดหมอนรองกระดูกปลิ้นกดทับเส้นประสาทในบริเวณช่วงเอวมากที่สุด เพราะเวลาที่นั่งนานๆ กระดูกสันหลังส่วนนั้นจะรับน้ำหนักแบบเต็มๆ

    4.การไอหรือจามแรงๆ
    เป็นสาเหตุหนึ่งของการเพิ่มแรงดันอย่างฉับพลันในหมอนรองกระดูก

    5.คนที่สูบบุหรี่จัด
    บุหรี่จะทำให้หมอนรองกระดูกสันหลังเสื่อมก่อนวัยอันควร และทำให้หมอนรองกระดูกเกิดการแตกปลิ้นได้มากขึ้น

    การเกิดหมอนรองกระดูกปลิ้นกดทับเส้นประสาทมี 3 รูปแบบ

    1.Protusion
    ตัวนิวเคลียสด้านในมีการทะลักออกมา โดยที่ขอบด้านนอกยังไม่เกิดการฉีกขาด

    2.Extrusion
    ขอบด้านนอกมีการขาดออก และมีนิวเคลียสทะลักออกมาโดยที่ยังติดกับด้านในอยู่ ไม่ได้หลุดออกมาเป็นชิ้นอิสระ

    3.Sequestration
    ขอบด้านนอกมีการขาดออก โดยที่นิวเคลียสมีการปลิ้นหลุดออกมาเป็นชิ้นอิสระจากด้านใน

    อาการปวดในช่วงแรกจะค่อนข้างมาก ซึ่งเกิดขึ้นจาก 2 ปัจจัยคือ ปริมาณการกดทับของเส้นประสาท และการอักเสบจากการแตกปลิ้นของหมอนรองกระดูก คนไข้ประมาณ 80% ที่ทำการรักษาอาการจะค่อยๆ ดีขึ้นใน4-6 สัปดาห์ แต่จะมีส่วนที่เหลือที่อาการอาจจะไม่ดีขึ้น เนื่องจากมีหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาทมาก ซึ่งอาจจะต้องรักษาโดยการผ่าตัด

    สังเกตอาการหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท

    ปวดหลัง ปวดบริเวณเอว เป็นๆ หายๆ ปวดร้าวลงไปถึงขา น่อง หรือเท้า เดินได้ไม่ไกล มีอาการปวดชาลงไปถึงขาเหมือนเป็นตะคริวร่วมด้วย ต้องหยุดพัก แล้วจึงจะเดินต่อไปได้ ในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง อาจมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงของขา กระดกข้อเท้าไม่ได้

    การรักษา โรคหมอนรองกระดูกสันหลัง กดทับเส้นประสาท

    1.รักษาโดยการลดน้ำหนักและ หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดอาการเพิ่มขึ้น ได้แก่

    – การยกของหนัก

    – การนั่งรถยนต์นานๆ

    – หลีกเลี่ยงอาการท้องผูกหรือเบ่ง ถ่ายอุจจาระแรงๆ เป็นต้น เนื่องจากทำให้เกิดแรงดันในหมอนรองกระดูกสูง เป็นสาเหตุให้หมอนรองกระดูกทนแรงดันไม่ได้ เกิดการแตกของหมอนรองกระดูกตามมา

    2.ยาต้านการอักเสบ NSAIDS, ยาคลายกล้ามเนื้อ

    3.กายภาพบำบัดและใช้เสื้อพยุงหลัง ช่วยในการลดอาการปวด และทำให้ผู้ป่วยสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวัน ได้ปกติเร็วขึ้นหลักการของการใส่เสื้อพยุงหลัง ในผู้ป่วย โรคหมอนรองกระดูกสันหลังกดทับเส้นประสาท คือ การทำให้หน้าท้องกระชับขึ้นจะช่วยลดแรงดันในหมอนรองกระดูกสันหลังได้ ร่วมกับจำกัดความเคลื่อนไหวของกระดูกสันหลัง ทำให้อาการปวดลดลง

    4.การผ่าตัด ข้อบ่งชี้ในการผ่าตัดมีดังนี้

    – ผู้ป่วยที่มีอาการปวดมากจนทนไม่ได้ แม้จะรักษาโดยรับประทานยา พักและกายภาพบำบัดเต็มที่แล้วก็ยังไม่สามารถทำงาน หรือใช้ชีวิตได้ตามปกติ

    – มีอาการชา อ่อนแรง หรือกล้ามเนื้อขาลีบอย่างชัดเจน

    – มีปัญหาระบบขับถ่ายผิดปกติชัดเจน จากความผิดปกติของเส้นประสาท เช่น กลั้นอุจจาระหรือปัสสาวะไม่ได้

    ที่มา

    nonthavej.co.th

    kdmshospital.com

    ติดตามเรื่องราวดีๆได้ที่ rapturearabians.com

     

Economy

  • อย่าช้ารีบจองเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 ตั้งแต่ 7 มี.ค.
    อย่าช้ารีบจองเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 ตั้งแต่ 7 มี.ค.

    อย่าช้ารีบจองเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 ตั้งแต่ 7 มี.ค.

    นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า หลังเปิดให้ประชาชนเข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 เมื่อวันที่ 27 ก.พ. ที่ผ่านมา เพียงวันเดียวมีผู้ลงทะเบียนเข้ามาใหม่ประมาณ 30,000 คน เมื่อรวมกับผู้ลงทะเบียนในเฟสที่ผ่านมา

    ทำให้ตอนนี้มีผู้สามารถใช้สิทธิ์ในระบบประมาณ 10 ล้านคน ขณะที่ในโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 มีจำนวนสิทธิทั้งสิ้น 560,000 สิทธิ์/ห้อง และมีระยะเวลาใช้สิทธิ์เพียง 2 เดือน ตั้งแต่วันที่ 10 มี.ค.-30 เม.ย.2566 ฉะนั้น ใครที่ต้องการใช้สิทธิ์ต้องรีบจอง โดยจะเริ่มเปิดรับจองวันแรกวันที่ 7 มี.ค.2566

    นายยุทธศักดิ์ สุภสร ยังกล่าวถึงแนวโน้มไตรมาส 1 ปีนี้ ซึ่ง ททท.คาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยไม่น้อยกว่า 6 ล้านคน หลังจาก 2 เดือนแรก (ม.ค.-ก.พ.) มีจำนวนสะสมแล้ว 4 ล้านคน เฉพาะเดือน ม.ค. มีจำนวน 2,088,832 คน และเดือน ก.พ.

    อย่าช้ารีบจองเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 ตั้งแต่ 7 มี.ค.
    ขอบคุณรูปภาพจาก : thairath.co.th

    ข้อมูลล่าสุดตั้งแต่วันที่ 1-26 ก.พ. มี 1,928,079 คน ส่วนแนวโน้มไตรมาส 2 ปีนี้

    คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจากตลาดระยะใกล้ เช่น อาเซียน อินเดีย และจีน ขณะที่ตลอดปี 2566 ททท.ยังคงเป้าหมายรายได้รวมการท่องเที่ยว 2.38 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในกรณีดีที่สุดคาดได้ 25-30 ล้านคน สร้างรายได้ 1.5 ล้านล้านบาท ตลาดนักท่องเที่ยวไทยตั้งเป้ามีอย่างน้อย 160 ล้านคน/ครั้ง รายได้ 8.8 แสนล้านบาท

    ทั้งนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข พบว่าผลการตรวจ RT-PCR แก่นักท่องเที่ยวจีนก่อนเดินทางกลับประเทศจีน มีผู้ติดเชื้อไม่ถึง 1% ทำให้หวังว่าทางการจีนจะพิจารณายกเลิกมาตรการนี้ เอื้อต่อกระแสการเดินทางมาไทยมากยิ่งขึ้น โดยเมื่อปลายเดือน ก.พ. ททท.ได้จัดโรดโชว์ส่งเสริมการขาย

    หนึ่งในเมืองที่จัดงานคือนครเซี่ยงไฮ้ ก่อนวิกฤติโควิด-19 พบว่าเฉพาะการเดินทางจากเซี่ยงไฮ้ มีจำนวนเที่ยวบินกว่า 400 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ พอเกิดการระบาด เหลือแค่ 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ แม้ตอนนี้จะเพิ่มเป็น 95 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ แต่ยังห่างไกลจากที่เคยทำการบิน.

    ขอบคุณแหล่งที่มา : thairath.co.th

    สามารถอัพเดตข่าวสารเรื่องราวต่างๆได้ที่ : rapturearabians.com